ผู้ค้าทูน่าญี่ปุ่น ต่างแสดงความยินดีที่ข้อเสนอห้ามค้าทูน่าครีบน้ำเงิน ซึ่งเป็นวัตถุดิบราคาแพงที่ใช้ทำซูชิ ไม่ผ่านความเห็นชอบในการเจรจาอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิด สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (ไซเตส)
โดฮาร์ (เอพี/บีบีซี นิวส์) - ที่ประชุมอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ ใกล้จะสูญพันธุ์ (ไซเตส) ในกรุงโดฮา ของกาตาร์ เมื่อวานนี้ ได้ลงมติด้วยเสียงข้างมาก ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของโมนาโก ที่ห้ามค้าทูน่าครีบน้ำเงิน โดยหนังสือพิมพ์ชั้นนำทุกฉบับในญี่ปุ่นรายงานข่าวนี้ด้วยความยินดี แต่หนังสือพิมพ์โยมิอูริ แสดงความไม่แน่ใจกับอนาคตของทูน่าครีบน้ำเงินที่มีจำนวนลดลง
และวิธีการที่หลายประเทศร่วมกันบริหารจัดการทรัพยากรทูน่า และเรียกร้องให้เพิ่มความเข้มงวดการควบคุมการจับปลาตามโควตาปัจจุบันเพื่อ ป้องกันไม่ให้มีการจับทูน่าชนิดนี้มากเกินไป
ญี่ปุ่นบริโภคทูน่าครีบน้ำเงินร้อยละ 80 ของปริมาณการบริโภคทั่วโลก และความเป็นไปได้ที่จะมีการห้ามค้าปลาชนิดนี้ ทำให้ผู้บริโภคและผู้ค้าส่งปลาวิตกว่าราคาทูน่าครีบน้ำเงิน ซึ่งชาวญี่ปุ่นเรียกว่า ฮอนมากูโร่ จะพุ่งสูงขึ้น หรืออาจต้องหายไปจากอาหารบางเมนู
ทูน่าครีบน้ำเงินมีจำนวนลดลง ร้อยละ 60 ระหว่างปี 2540-2550 และนักสิ่งแวดล้อมระบุว่า การห้ามค้าทูน่าครีบน้ำเงินของสมาชิกอนุสัญญาไซเตส 175 ประเทศ จะช่วยคุ้มครองปลาชนิดนี้ แต่รัฐบาลญี่ปุ่น และอุตสาหกรรมประมง ระบุว่า การห้ามส่งออกทั้งหมดเป็นมาตรการที่รุนแรงเกินไป จนอาจทำลายอุตสาหกรรมการประมงของโลก และว่าควรบังคับใช้โควตาการจับปลาที่กำหนดโดยคณะกรรมการระหว่างประเทศเพื่อ การอนุรักษ์ทูน่าในมหาสมุทรแอตแลนติก มีความเข้มงวดกว่านี้เพื่อป้องกันไม่ให้มีการจับปลามากเกินไป โดยเมื่อเดือน พ.ย.ปีก่อน คณะกรรมการฯ ตัดลดโควต้าการจับปลาต่อปีลงร้อยละ 40 เหลือเพียง 13,500 ตัน
ที่มา : แนวหน้า 20 มี.ค. 53