ความเฟื่องฟูด้านทรัพยากรอาหารของไทยเป็นที่เลื่องลือระบือไกลมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล แม้แต่ในบันทึกของชาวต่างชาติทั้งพ่อค้าวาณิชและหมอสอนศาสนา ผู้เคยย่างเหยียบผืนแผ่นดินแห่งนี้ ก็ยังพรรณนาถึงความมั่งคั่งเหล่านี้ไว้ บนดินแดนกว่า 5 แสนตารางกิโลเมตรของสยามประเทศ มีดินปากแม่น้ำอันอุดมสมบูรณ์ ห่างไกลจากธรรมชาติวิปโยค และเกษตรกรรมก็เปรียบเสมือนชีวิตและจิตวิญญาณของผู้คน ปัจจัยเหล่านี้เอื้ออำนวยให้พืชพรรณธัญญาหารกลายเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยมาทุกยุคสมัย โดยเฉพาะข้าวซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญมาตั้งแต่สมัยอยุธยา หรือมากกว่าสองร้อยปีมาแล้ว
รู้เรื่อง"ข้าว"ก่อนเข้าปาก
ทุกวันนี้ข้าวราคาแพง จนใครที่พอมีที่ทางก็อยากกลับบ้านไปทำนากันทั้งนั้น เพราะถ้าปลูกข้าวกินเองได้จะทุ่นค่าใช้จ่ายไปจำนวนมากก็เรากินข้าวกันทุกวันไม่รู้จักเบื่อหรือว่าถึงแม้จะเบื่อก็หยุดกินไม่ได้ เป็นแหล่งคาโบไฮเดรตอันสำคัญของคนทั่วทั้งโลกเลยทีเดียว
ขณะที่กระแสของการรักษาสุขภาพกระเพื่อมสุดขีด มีผลิตภัณฑ์ข้าวบรรจุถุงขายหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ข้าวกล้องงอก ข้าวฮาง ข้าวอินทรีย์ ข้าวปลอดสาร ข้าวพื้นบ้านและอื่นๆ อีกมากมาย เราๆ ที่ไม่สามารถจะทำนาปลูกข้าวกินเองได้ ก็จะเป็นผู้ซื้อที่เท่าทัน รู้จักเลือกข้าวที่ดี มีประโยชน์ต่อร่างการและสนับสนุนพี่น้องชาวนาไปพร้อมๆ กัน
ขอเริ่มกันด้วยการแยกแยะข้าวด้วย “รูปแบบการผลิต” ก่อนเป็นอันดับแรก คือระหว่างข้าวปลอดสารกับข้าวอินทรีย์ แตกต่างกันอย่างไร ถ้าเลือกได้เราทุกคนอยากกินอาหารที่ไม่มีสารเคมีใดๆ เจือปน แต่เราจะรู้ได้ยังไงว่าแบบไหนล่ะจะปลอดภัยที่สุด เมื่อก่อนคนเราทำนาปีด้วยการรอคอยน้ำฝน ที่ไหนใกล้แหล่งน้ำก็อาจจะทำนาปรังอีกสักรอบ แต่เดี๋ยวนี้เวลานั่งรถผ่านทุ่งนาเราสวามารถชื่นชมทุ่งนาคละรุ่นทั้งทุ่งที่ยังไม่ได้หว่านดำ ทั้งที่งอกเป็นต้นกล้าเขียวไปจนทุ่งรวงทอง เพราะการทำนาอย่างเข้มข้นตลอดทั้งปีแบบนี้นี่เอง ทำให้ดินเสื่อมโทรม ความเข้มข้นของอัตราการใช้สารเคมีเกษตรจึงเพิ่มขึ้น